พฤหัสบดี, เมษายน 18, 2024
   
Text Size

คำขวัญจังหวัด

ผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก

 

ประวัติความเป็นมา


ผลไม้รสล้ำ

ระยอง ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่หลากหลายไปด้วยผลไม้นานาชนิด อาทิเช่น ทุเรียน เงาะ สับปะรดมังคุด มะม่วง กล้วย ลองกอง และบางชนิดได้ชื่อว่ามีรสชาดดีหรืออร่อยที่สุดในโลก ซึ่งได้แก่ ทุเรียน สับปะรดผลไม้ 5 ลำดับแรก ที่ทำรายได้สูงสุดให้จังหวัดระยอง ได้แก่ 1. ทุเรียน 2. สับปะรด 3. มะม่วง 4. เงาะ 5. มังคุด

จังหวัดระยองได้จัดงาน "เทศกาลผลไม้และของดีจังหวัดระยอง" เป็นประจำทุกปีในช่วงฤดูผลไม้ออกผลประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี เพื่อเป็นการส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตด้านผลไม้และส่งเสริมการท่องเที่ยวระยะเวลาที่จัดประมาณ 10 วัน มีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การประกวดขบวนรถผลไม้ การประกวดธิดาชาวสวนการประกวดผลไม้ การแข่งขันรับประทานผลไม้ เนื่องจาก ผลไม้ของจังหวัดระยองมีรสชาด เป็นที่นิยมชมชอบรับประทานของชาวต่างประเทศ ดังนั้น ทาง กรอ.จังหวัดระยอง ร่วมกับหอการค้าจังหวัดระยอง ได้ผลักดันให้มีการส่งผลไม้ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ซึ่งอันได้แก่การส่งสับปะรดไปจำหน่ายยังประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และยังได้ขอให้รัฐบาลผลักดันให้มีการ เปิดตลาดทุเรียนในประเทศจีน เนื่องจากชาวจีนนิยมรับประทานทุเรียนมาก และจีนมีประชากรนับ พันล้านคน หากเปิดตลาดจีนได้สำเร็จ ต่อไปจีนจะเป็นลูกค้าที่สำคัญรายใหญ่ของประเทศไทย นอกจากนี้ กรอ.จังหวัดระยองยังผลักดันให้มีการส่งทุเรียน ไปจำหน่ายที่ประเทศฮ่องกง โดยใช้สะนามบินอู่ตะเภา แทนสนามบินดอนเมือง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกรมการบินพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม ได้จัดเที่ยวบินมาขนส่งผลไม้จากสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเริ่มดำเนินการเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 ในช่วงฤดูผลไม้ที่ผ่านมา และปีนี้เป็นปีที่ 4 โดยคาดว่าต่อไปสนามบินอู่ตะเภาจะได้รับการพัฒนาให้เป็นสนามบินพาณิชย์โดย สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการส่งเสริมผลไม้ไทย บริษัท สุภัทราแลนด์ จำกัด ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สถานฑูตไทย ประจำประเทศสิงคโปร์ สถานฑูตไทยประจำประเทศมาเลเซียและจังหวัดระยอง ได้จัดงาน "ส่งเสริมผลไม้และอาหารไทย" ณ สถานฑูตไทยในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย สินค้าที่นำไปจำหน่ายมี ทุเรียน เงาะ มะม่วง สับปะรด ส้มโอ มะละกอ ฝรั่ง ทุเรียนกวน สับปะรดกวน ผลไม้และน้ำผลไม้กระป๋อง และอาหารทะเลแห้ง ซึ่งการจัดงานดังกล่าวได้ดำเนินการมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เพื่อเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงด้าน "ผลไม้รสล้ำ" ให้แก่จังหวัดระยองเป็นอย่างยิ่ง และสร้างรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนผลไม้ระยอง เพราะแท้จริงแล้วสิงคโปร์นั้นคือตลาดโลก จึงทำให้ผลไม้ของจังหวัดระยองเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก

อุตสาหกรรมก้าวหน้า

         โครงการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด

         เป็นโครงการนำร่องภายใต้แผน Eastern Seaboard ที่รัฐบาลได้เตรียมโครงสร้างปัจจัยพื้นฐานไว้อย่างพร้อมเพรียง ได้แก่ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ถนน แหล่งน้ำ ท่าเทียบเรือ จากสถิติการได้รับการส่งเสริมการลงทุนภาคอุตสาหกรรม จาก BOI ที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ว่าจังหวัดระยองมีการขอรับ และได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ และมีแนวโน้มการได้รับการส่งเสริมการลงทุนให้มีการผลักดันความเจริญและการจ้างงานในภูมิภาค ของรัฐบาล จังหวัดระยองจึงมีความเจริญก้าวหน้า ด้านการลงทุนอุตสาหกรรม สามารถเป็นแหล่งรองรับการลงทุน ด้านอุตสาหกรรมผลิตปัจจัย 4 ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผลิต เพื่อทดแทนการนำเข้าหรือเพื่อส่งออกตามเป้าหมายของรัฐบาลได้อย่างแน่นอน

 น้ำปลารสเด็ด

         ที่สุดของน้ำปลาอยู่ที่จังหวัดระยอง  กล่าวคือ  มีโรรงานน้ำปลามากที่สุดในประเทศ  โดยมีถึง  26  โรงงาน  จากทั้งหมด  35  โรงงานทั่วประเทศ  เงินลงทุน  52.88  ล้านบาท  มีคนงานประมาณ  200  คน  นอกจากนั้น  ยังมีการผลิตน้ำปลาแบบ อุตสาหกรรมในครัวเรือนกระจายกันอยู่ทั่วไป  ที่สำคัญน้ำปลาที่ผลิตยังมีรสชาติ แห่งความอร่อยเป็นรสสมกับคำขวัญว่า  " น้ำปลารสเด็ด "  อย่างแท้จริง

   ที่กล่าวว่าระยองเป็นเมืองน้ำปลารสเด็ดนั้น  แท้จริงแล้วยังมีความหมายครอบคลุม ไปถึงการประมงทั้งหมด  โดยที่จังหวัดระยองมีชายฝั่งทะเลยาวกว่า  100  กิโลเมตร อาชีพดั้งเดิมของชาวระยอง คือการทำประมง  ปัจจุบันมีเรือประมง  1,230  ลำ มีเนื้อที่ทำการประมงในทะเล ประมาณ  6,225,000  ไร่  มีครัวเรือนที่ทำการประมง จำนวน  7,275  ครัวเรือน  จำนวนชาวประมง  41,569  คน  มีมูลค่าการผลิตจากการประมงในปีที่ผ่านมาเท่ากับ  3,535.73  ล้านบาท 

   นอกจากนั้น  ยังมีการเพาะเลี้ยงชายฝั่ง เช่น การเลี้ยงกุ้งกุลาดำ  การเลี้ยงสัตว์น้ำกร่อย หรือการเลี้ยงปลาในกระชัง  และการเลี้ยงสัตว์น้ำจืด

เกาะเสม็ดสวยหรู

    เกาะเสม็ด หรือ เกาะแก้วพิสดาร เพชรเม็ดงามของจังหวัดระยอง ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง รวมพื้นที่ประมาณ 4.5 ไร่ ห่างจากฝั่งบ้านเพ ประมาณ 6.5 กิโลเมตร เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มีหาดทรายสวยงามตามธรรมชาติ มีป่าไม้ และภูเขา ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นแบบผสมผสานกลมกลืน บรรยากาศสงบเงียบ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจและท่องเที่ยวเกาะเสม็ดนั้น แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ และส่วนที่ราษฎรอาศัยอยู่เดิม มีสถานที่พักบริการ เช่น บังกาโล รีสอร์ท อยู่เรียงรายริมชายหาด มีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคในระดับดี ได้แก่ ท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด ถนนและทางเดินเท้าคอนกรีตเสริมเหล็ก สระน้ำจืด(สระอโนดาษ) และไฟฟ้า ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะทำการติดตั้งโรงจักรไฟฟ้าบนเกาะเสม็ด ในปี 2539 โดยมีแผนงานวางเคเบิ้ลใต้น้ำในโอกาสต่อไป

ปัญหาที่สำคัญ

   ปัญหาที่สำคัญของเกาะเสม็ดคือ เรื่องขยะ ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้น แม้ว่าทางราชการได้จัดสร้างเตาเผาขยะให้แล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถกำจัดให้หมดสิ้นได้ ดังนั้น หากจะให้เกาะเสม็ดยังคงคงวามสวยหรู ขึ้นอยู่กับราษฎร ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด ที่จะต้องช่วยกันรักษาเพชรเม็ดงามเม็ดนี้ไว้ นานแสนนาน

สุนทรภู่กวีเอก

    สุนทรภู่ เป็นรัตนกวีสี่แผ่นดิน ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4 ได้สร้างผลงานไว้มากมาย สร้างความรุ่งเรืองให้แก่ วรรณกรรมของไทย ต่อมาองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ได้ประกาศยกย่องสุนทรภู่ ให้เป็นกวีเอกของโลกสุนทรภู่มีบิดาเป็นชาวกร่ำ เมืองแกลง ซึงในปัจจุบันคือตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง จึงถือได้ว่าสุนทรภู่ เป็นชาวระยอง เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุยายน 2329 ณ บริเวณฝั่งธนบุรี ใกล้กับพระราชวังหลัง ในสมัยรัชกาลที่ 1 หลังสร้างกรุงเทพฯ แล้ว 4 ปี สำหรับมารดานั้นยังไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นชาวเมือง ใด "นิราศเมืองแกลง" เป็นนิราศเรื่องแรกที่สุนทรภู่แต่งขึ้นในคราวที่เดินทางไปหาบิดา ที่เมืองแกลง ปี พ.ศ.2349 ซึ่งบิดาได้บวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดบ้านกร่ำ เมื่อคราวตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จกรมพระราชวังหลัง (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์)ไปพระพุทธบาทสุนทรภู่ได้แต่ง "นิราศพระบาท" ขึ้นในปี พ.ศ.2350 ขณะอายุได้ 21 ปี
    สุนทรภู่ได้แต่งงานกับ "จัน" มีลูกชาย 1 คนชื่อ "หนูพัด" แต่อยู่กันได้ไม่นานต้องเลิกลากันไป เพราะสุนทรภู่เป็นสิงห์ขี้เมา ต่อมาได้ภรรยาอีกคนเป็นชาวสวนบางกรวยชื่อ "นิ่ม" มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อ "ตาบ" แต่นิ่มได้ป่วยและเสียชีวิตเมื่อลูกยังเล็ก ๆ กลอนนิทานเรื่องแรกที่สุนทรภู่แต่งคือเรื่อง "โคบุตร" ความยาว 28 เล่มสมุดไทย แต่งถวายพระองค์เจ้าปฐมวงค์ ซึ่งได้รับความนิยมมาก
ครั้นปี พ.ศ. 2358 สุนทรภู่ได้แต่งนิทานคำกลอนขึ้นอีกเรื่องหนึ่งคือ "พระอภัยมณี"ความยาวประมาณ 94 เล่มสมุดไทยซึ่งคณะละครของนายบุญยังนำไปแสดงทำให้ชื่อเสียงของสุนทรภู่เลื่องลือ ไปทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองใกล้เคียงสุนทรภู่มีชีวิตรุ่งเรืองมากในสมัยพระบาทสมเด็จ
พระพุทธเลิศหล้านภาลัย(รัชกาลที่ 2) ซึ่งทรงโปรดปรานบทกวีมาก ครั้งหนึ่งสุนทรภู่ได้แต่งต่อ
บทกวีนิพนธ์เรื่อง "รามเกียรติ์" ตอนนางสีดาผูกคอตาย   ปรากฎว่าเป็นที่พอพระทัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นอย่างยิ่ง และทรงโปรดแต่งตั้งให้เป็นขุนสมุทรโวหาร เป็นกวีที่ปรึกษา ต่อมาสุนทรภู่ได้แต่งสุภาษิตคำกลอนเรื่อง "สวัสดิรักษา" มีความยาว 1 เล่มสมุดไทย ใน พ.ศ.2367 ถวายพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอาภรณ์ พระโอรสในรัชกาลที่ 2 ครั้นสมัยรัชกาลที่ 3 สุนทรภู่ได้ถูกทอดออกจากตำแหน่งขุนสุนทรโวหาร สุนทรภู่จึงออกบวช ในปี พ.ศ.2367 ณ วัดระฆังโฆสิตาราม แต่มาจำพรรษา ณ วัดราชบูรณะ(วัดเลียบ) ในขณะที่บวชได้แต่ง "นิราศภูเขาทอง" สำหรับนิทานคำกลอนที่สุนทรภู่แต่งค้างไว้ในสมัยรัชกาลที่ 2 นั้น ได้นำออกมาแต่งต่อ ได้แก่ เรื่อง "สิงหไกรภพ" และเรื่อง "ลักษณวงศ์" เป็นต้น
    ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4) สุนทรภู่ได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้งมีบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร" รับราชการอยู่เพียง 4 ปีเศษ ก็ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปี พ.ศ. 2398 อายุ 69 ปี
    จังหวัดระยอง ได้จัดสร้างอนุเสาวรีย์สุนทรภู่ไว้ที่ ตำบลกร่ำ อำเภอเมืองแกลง จังหวัดระยองและได้จัดงาน "วันสุนทรภู่" ขึ้นเป็นประจำทุกวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี เพื่อรำลึกถึงท่านสุนทรภู่กวีเอกของโล

สำนักงานจังหวัดระยอง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดระยอง
ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ถนนสุขุมวิท ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง 21150
โทรศัพท์ : 0-3869-4000, 0-3869-4010 แฟกซ์ : 0-3869-4160
E-mail : rayong@moi.go.th